การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของอินเดีย

การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของอินเดีย

วันที่นำเข้าข้อมูล 5 เม.ย. 2555

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 5,038 view

การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของอินเดีย

 

1. ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของอินเดียได้เริ่มเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและเป็นสาขาหนึ่งที่เติบโตค่อนข้างรวดเร็ว โดยรัฐบาลอินเดียได้มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการเติบโตของสาขานี้อย่างจริงจังเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศและทำให้อินเดียเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล (Medical Hub) แห่งหนึ่งในเอเซียแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่มีความโดดเด่นในสาขานี้ อาทิ ไทยและสิงคโปร์ มีการประเมินว่า สาขานี้จะสร้างรายได้ให้แก่อินเดียประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2555 โดยมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 30 ต่อปี ขณะนี้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในอินเดียประมาณปีละ 150,000 คนและเพิ่มจำนวนขึ้นประมาณร้อยละ 15 ต่อปี                

2. การที่การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของอินเดียเติบโตได้ดีนั้น นอกจากรัฐบาลและภาคเอกชนของอินเดียจะได้มุ่งส่งเสริมสาขานี้อย่างจริงจังแล้ว อินเดียยังมีข้อได้เปรียบที่สำคัญหลายประการ อาทิ การมีบุคลากรการแพทย์ได้มาตรฐานสูงระดับสากล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด) มีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยเทียบเท่ากับที่ใช้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ค่ารักษาพยาบาล ในอินเดียจะคิดเป็นเพียงประมาณ 1 ใน 5 หรืออาจถึง 1 ใน 10 ของค่ารักษาพยาบาลในโรคเดียวกันในประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ การผ่าตัดหัวใจในสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การผ่าตัดที่อินเดียจะมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น หรือการผ่าตัดเปลี่ยนตับที่อินเดียมีค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 - 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ  ขณะที่ในยุโรปจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 120,000 - 140,000 ดอลลาร์สหรัฐ และหากเป็นที่สหรัฐฯ ค่าผ่าตัดจะสูงกว่าในยุโรปอีกประมาณหนึ่งเท่าตัว นอกจากนั้น คนไข้ที่ต้องการได้รับการักษาอย่างรวดเร็วก็ไม่ต้องรอคิวนานเช่นในยุโรปและสหรัฐฯ ด้วย

3. ทั้งนี้ การที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐฯ สหราช-อาณาจักร และยุโรปสูงขึ้นมากและคนไข้ต้องรอคิวการรักษาที่ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่ต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ทำให้ประชาชนระดับกลางและระดับล่างของประเทศเหล่านี้นิยมเดินทางมารับการรักษา ในประเทศอินเดียหรือประเทศที่มีค่าใช้จ่ายต่ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาโรคร้ายแรงที่มีความเสี่ยงถึงชีวิต จำเป็นที่จะต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็ว ซึ่งวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine ได้เรียกคนไข้เหล่านี้ว่า “Medical Refugees” นอกจากคนไข้จากประเทศตะวันตกแล้ว ผู้มีฐานะดีจากประเทศเพื่อนบ้านของอินเดียรวมทั้งประเทศในตะวันออกกลางและประเทศ CIS ก็นิยมเดินทางมารักษาพยาบาลในอินเดียด้วย

4. ขณะนี้การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของอินเดียมีความโดดเด่นในหลายๆ สาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคหัวใจ โรคกระดูก โรคตา ศัลยกรรมความงาม เช่น การผ่าตัดหัวใจ การทำบายพาสหัวใจการผ่าตัดหัวเข่า สะโพก และข้อต่อและการผ่าตัดเปลี่ยนไขกระดูก ตลอดจนการรักษาโรคต้อตาต่างๆ เป็นต้น นอกจากนั้น ชาวต่างชาติยังนิยมมาใช้บริการด้านทันตกรรมที่อินเดียอีกด้วย ซึ่งมีมาตรฐานดีและค่าจ่ายต่ำกว่าในหลายๆ ประเทศเช่นกัน โดยโรงพยาบาลของอินเดียที่ได้รับความเชื่อถือจากชาวต่างชาติ อาทิ โรงพยาบาล Apollo, Max และ Escorts เป็นต้น ซึ่งโรงพยาบาลเหล่านี้อาจมีค่ารักษาที่สูงมากสำหรับชาวอินเดียโดยทั่วไป รวมถึงคนชั้นกลาง แต่สำหรับชาวต่างชาติถือว่ามีค่ารักษาต่ำกว่าในประเทศของตนมาก

                5. ข้อสังเกตและข้อคิดเห็น

5.1  อินเดียมีจุดเด่นทางการแพทย์คือมีบุคลากรการแพทย์ที่มีความสามารถ ซึ่งจำนวนมากได้รับการศึกษาเพิ่มเติมจากประเทศสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร นอกจากนั้น โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของอินเดียยังได้ใช้อุปกรณ์และเครื่องมือการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทันสมัยเทียบเท่ากับที่ใช้ในประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งบุคลากรในสาขานี้สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี นอกจากนั้น ในการทำการรักษา อินเดียยังได้เสนอการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ อาทิ การรักษาด้วยวิธี  Ayurvedic Therapy เข้าผสมผสานกับการแพทย์สมัยใหม่ด้วย จึงนับได้ว่าในอนาคตอินเดียจะเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยและสิงคโปร์ในการเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาลในเอเซีย โดยขณะนี้มหาวิทยาลัยชั้นนำของอินเดียสามารถผลิตบุคลากรการแพทย์และพยาบาลได้ปีละประมาณ 20,000 – 30,000 คน

                                  5.2  การที่อินเดียได้เริ่มเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ก็มีผลเสียเช่นกัน เนื่องจากโรงพยาบาลและบุคลากรการแพทย์ของประเทศส่วนหนึ่งได้ถูกนำไปให้การรักษาคนต่างชาติที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และมีส่วนทำให้ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเหล่านี้สูงขึ้น เกินความสามารถของคนไข้ทั่วไปหรือ คนชั้นกลางของอินเดียจะสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ ทั้งนี้ หลายฝ่ายได้เริ่มออกมาแสดงความห่วงใยในปัญหาดังกล่าวแล้ว

 

                                                                            สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ