วันที่นำเข้าข้อมูล 5 เม.ย. 2555
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
1.ปัจจุบันประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวอินเดียที่ต้องการเดินทาง
ไปท่องเที่ยวและพักผ่อนในต่างประเทศ โดยคาดว่าในปี 2555 จะมีชาวอินเดียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยประมาณ 1 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากเป็นแบบท่องเที่ยวซ้ำ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเหนือกว่าประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศยอดนิยมอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ แล้วด้วย
2. นาย Vineet Goyal เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวนอกประเทศของอินเดีย
(Outbound Tour Operators Association of India OTOAI) ระบุว่า ประเทศไทยนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรูหราของชาวอินเดีย แต่มีค่าใช้จ่ายไม่แพงคุ้มค่าเงินซึ่งทำให้คนอินเดียทั่วไปสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ โดยมีค่าจ่ายในการท่องเที่ยวเริ่มต้นเพียง 17,999 รูปี (ประมาณ 12,000 บาท) ก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยได้แล้ว ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการจับจ่ายซื้อสินค้า รับประทานอาหาร หรือการผักผ่อนหย่อนใจ โดยสิ่งที่ดึงดูดชาวอินเดียให้เดินทางไปประเทศไทยก็คือ ความคุ้มค่าเงินและความหลากหลาย ทั้งนี้ กลุ่มชาวอินเดียที่เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยนั้นมีความหลากหลายมาก ทั้งการท่องเที่ยวแบบครอบครัว แบบส่วนตัว การเดินทางเพื่อธุรกิจและ MICE และในระยะหลังเริ่มมีความนิยมไปฮันนิมูนและสังสรรค์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย
3. นาย Atul Dhir ผู้จัดการบริษัท Prakhar Travels ของอินเดีย กล่าวว่า เหตุที่
ประเทศไทยได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียก็เพราะความสะดวกในการเดินทางไปประเทศไทย บวกกับการที่มีห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐานจำนวนมาก โดยกรุงเทพฯ เพียงเมืองเดียวก็มีห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐานมากกว่าที่มีอยู่ในอินเดียทั้งประเทศรวมกันแล้ว ซึ่งทำให้สำรองห้องพักได้ง่าย แม้แต่นักท่องเที่ยวที่มีงบที่จำกัดก็ยังสามารถหาที่พักที่ดีๆ ได้
4. นายฉัตรทัณฑ์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สนง. ททท. ประจำกรุงนิวเดลี (ขณะนั้น)
ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ททท. ได้เน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างครอบคลุม โดยสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ชาวอินเดียนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ หัวหิน และเกาะสมุย โดยร้อยละ 67 เป็นการเที่ยวซ้ำ ขณะนี้ ททท. กำลังอยู่ระหว่างการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อาทิ เกาะเสม็ด กาญจนบุรี เขาหลัก เกาะช้าง และอยุธยา ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของชาวอินเดียเท่าใดนัก
5. สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ก็ได้มีบทบาทสำคัญในการ
ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจของอินเดียไปจัด MICE ในประเทศไทยด้วย โดยในปี 2553 มีนักธุรกิจจากอินเดียเดินทางไปประเทศไทยกว่า 30,000 คน และในปี 2554 สสปน.ได้มีข้อเสนอพิเศษใหม่ๆ ต่อบริษัทนำเที่ยวอินเดีย เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจของอินเดียไปจัดกิจกรรม MICE ในประเทศไทย โดยได้สนับสนุนให้จัดกิจกรรมนอกเหนือจากที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่นิยมสูงสุดของชาวอินเดีย โดยขณะนี้ได้มีการก่อสร้างสถานที่จัด MICE ที่สำคัญ อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ และพัทยา โดย สปปน. มุ่งหวังที่จะเพิ่มจำนวนการจัดกิจกรรม MICE ของ ชาวอินเดียในประเทศไทย
6. ความสะดวกในการเดินทางไปประเทศไทย (easy accessibility) ก็นับเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ไทยเป็นที่นิยมของชาวอินเดีย โดยขณะนี้กรุงนิวเดลีมีเที่ยวบินตรงไปยังกรุงเทพฯ 59 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเมืองอื่นๆ ของอินเดียเช่น มุมไบ บังกาลอร์ เจนไน ไฮเดอร์ราบัด หรือแม้แต่เมือง Bagdogra ก็มีเที่ยวบินตรงไปกรุงเทพฯ แล้ว โดยรวมแล้วมีเที่ยวบินกว่า 100 เที่ยวบินจากอินเดียไปกรุงเทพฯ ซึ่งสายการบินที่ดำเนินการอยู่ อาทิ การบินไทยฯ, Kingfisher, Cathay Pacific, Thai AirAsia, Air India, Jet Airways, Philippines Airlines, Druk Air และ Indigo และขณะนี้บางสายการบินก็กำลังพิจารณาที่จะ เปิดเส้นทางบินตรงจากเมืองต่างๆ ของอินเดียไปยังภูเก็ตด้วย
7. ข้อสังเกตและข้อคิดเห็น
7.1 การลงบทความพิเศษเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยของนิตยสาร Business
India ซึ่งเป็นนิตยสารที่น่าเชื่อถือมียอดจำหน่ายสูงและเป็นที่นิยมอ่านของนักธุรกิจและผู้ประกอบวิชาชีพอินเดีย ย่อมมีผลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศไทยในวงกว้างเพิ่มขึ้นไปอีก โดยบทความดังกล่าวได้สะท้อนความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่มีต่อประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
7.2 สนง. ททท. ประจำเมืองมุมไบได้ให้ข้อมูลว่า ในปี 2555 มีชาวอินเดียเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศประมาณ 13 ล้านคนเศษ โดยในจำนวนดังกล่าวได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยถึง 9 แสน 2 หมื่น ซึ่งประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ชาวอินเดียเดินทางไปท่องเที่ยวสูงที่สุดในโลก นอกจากนั้น ชาวอินเดียยังนิยมเดินทางไปจัดงานแต่งงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2554 มีชาวอินเดียไปจัดงานแต่งงานในประเทศไทยประมาณ 80 คู่ โดยเป็นการผ่านการประสานงานของ สนง. ททท. ประจำเมืองมุมไบ 13 คู่ การจัดงานแต่ละครั้งจะมีแขกไปร่วมงานตั้งแต่ 50 - 600 คน โดยเฉลี่ยประมาณ 200 คน และขณะนี้ได้เริ่มมีความนิยมไปจัดงานครบรอบต่างๆ ที่ประเทศไทยด้วย
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ