ประกาศเตือนการพบเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ - โรคโคโรน่า 2012

ประกาศเตือนการพบเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ - โรคโคโรน่า 2012

วันที่นำเข้าข้อมูล 16 ต.ค. 2555

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 3,862 view

ด้วยเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2555 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) ได้ออกประกาศผ่านเว็บไซต์แจ้งการพบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือ โรคโคโรน่า 2012 (Novel Coronavirus) ในต่างประเทศ และมีผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2012 จำนวน 2 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย โดยเป็นผู้ป่วยชายชาวกาตาร์ อายุ 49 ปี ซึ่ง มีประวัติการเดินทางไปซาอุดิอารเบีย และอีกรายเป็นผู้ป่วยชาวซาอุดิอารเบีย อายุ 60 ปี 

สำหรับประเทศไทยยังไม่มีรายงานการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2012 และ WHO ยังไม่มีประกาศแนะนำการจำกัดการเดินทางไปยังประเทศใด ๆ

กระทรวงสาธารณสุขของไทยมีคำแนะนำ ดังนี้

1)  ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ - ให้เน้นการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดเพื่อลดความเสี่ยง หากจำเป็นอาจใช้หน้าการอนามัย
2)  ผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศ - หากมีอาการคล้ายไข้หวัด หรือมีอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ควรไปพบแพทย์ พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง

องค์ความรู้เรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 (Novel Coronavirus)

1)  เชื้อก่อโรคและลักษณะโรค : เชื้อไวรัสโคโรน่าโดยทั่วไปเป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหรือระบบอื่น ๆ ในคนและสัตว์ เช่น หนู ไก่ วัว ควาย สุนัข แมว กระต่าย และสุกร มีรายงานการพบเชื้อมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1965 ประกอบด้วยเชื้อสายพันธุ์ย่อยหลากหลายพันธุ์ และพบได้ทั่วโลก โดยในเขตอบอุ่น (temperate climate) มักพบเชื้อไวรัสโคโรน่าในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ โดยอาจมีความรุนแรงของอาการที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เช่น เป็นไข้หวัดธรรมดา หูชั้นกลางอักเสบ เป็นต้น ส่วนน้อยที่มีอาการรุนแรง อาจก่อให้เกิดการอักเสบรุนแรงเฉียบพลันและมีการล้มเหลวของระบบทางเดินหายใจ และเสียชีวิตได้ เช่น ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส แต่โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการไม่รุนแรง (ยกเว้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย) ในคนที่เป็นโรคหวัดก็มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ ประมาณร้อยละ 15 การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าพบได้ในทุกลุ่มอายุ แต่พบมากในเด็ก อาจพบมีการติดเชื้อซ้ำได้ เนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงอย่างรวดเร็วภายหลังการติดเชื้อ

เชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส พบการระบาดในปี ค.ศ. 2003 โดยพบเริ่มจากประเทศจีนแล้วแพร่กระจายไปทั่วโลก พบรายงานผู้ป่วยโรคซาร์สทั้งสิ้นมากกว่า 8,000 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 750 ราย แต่ขณะนี้ (ปี ค.ศ. 2012) ไม่พบการระบาดแต่อย่างใด

สำหรับเชื้อโรคโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 เป็นเชื้อสายพันธุ์หนึ่งในกลุ่มไวรัสโคโรน่า ซึ่งเพิ่งค้นพบใหม่ในปี 2555 ข้อมูลจาก WHO เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2555 พบผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะยืนยันว่าเชื้อมาได้อย่างไร หรือติดต่อมาจากสัตว์หรือไม่ อีกทั้งไม่สามารถสรุปได้ว่าเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 มีความรุนแรงมากหรือน้อยเพียงใด WHO ประเมินว่ายังไม่รุนแรงเหมือนโรคซาร์ส เพราะไม่พบว่าบุคคลรอบข้างหรือบุคลากรทางการแพทย์มีการเจ็บป่วยด้วย

อย่างไรก็ตาม โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 นี้ ไม่ใช่โรคซาร์ส เนื่องจากมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโคโรน่าคนละสายพันธุ์

2)  ระยะฟักตัวของโรค : เชื้อไวรัสโคโรน่า 2012 นี้ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะแสดงอาการเมื่อใดหลังจากติดเชื้อ แต่สำหรับเชื้อไวรัสโคโรน่าโดยทั่วไป โดยเฉลี่ยมีระยะฟักตัวประมาณ 2 - 4 วัน

3) วิธีการแพร่โรค : ด้วยข้อมูลที่มีจำกัด อนุมานว่าการติดต่อของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2012 นี้ ถ้าจะสามารถติดต่อจากคนสู่คน น่าจะผ่านทางฝอยละออง ได้แก่ น้ำมูก น้ำลายจากผู้ป่วยที่มีเชื้อไปยังบุคคลอื่น โดยการไอหรือจามและการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจของผู้ป่วยเป็นหลัก ส่วนการแพร่กระจายทางอากาศมีโอกาสเป็นไปได้แต่น้อย

4) การป้องกัน :
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอหรือจาม

- ควรล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ก่อนรับประทานอาหาร และหลังขับถ่าย
- ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่แออัด หรือที่ชุมชนสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก หากจำเป็น ให้พิจารณาใส่หน้ากากอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- แนะนำให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย ปิดปากปิดจมูกเวลาไอหรือจาม
- ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี ได้แก่ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ

 

 

* * * * * * * * * *